• 17/09/2022

ศาลฏีกาพิพากษ์กลับสั่ง แพทย์-โรงพยาบาลหมอรังสิต ชดเชยครอบครัวผู้ป่วย 1.5 ล้านพร้อม ดบริษัท

ศาลฎีกาตัดสินคดีกลับ สั่งแพทย์-โรงพยาบาลเเพทย์รังสิต ชดเชยครอบครัวผู้เจ็บป่วยปวดขาถูกเเพทย์ฉีดยาเเต่เเพ้จนตายเมื่อปี 60 กว่า 1.5 ล้าน พร้อมดอก ศาลชี้ความเห็นชอบเเพทยที่ประชุมบอกแพทย์ไม่ประมาทไม่เป็นผลผูกพันการวิเคราะห์ เจาะจงเป็นการปฏิบัติประมาทสะเพร่า เเม่เหยื่อร่ำไห้กราบขอบพระคุณศาลฎีกา ทนายความชี้คำวินิจฉัยวางหลักสำคัญหลายหลักสำคัญ โดยยิ่งไปกว่านั้นการฉีดยารักษาเป็นดุลยพินิจของหมอ
ตอนวันที่ 15 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดจังหวัดนนทบุรี ศาลอ่านคำตัดสินศาลฎีกาในคดีลำดับที่ดำ ผู้บังคับบัญชา78/2561 นางอำพร กระตุๆดนาค, นายชาตรี ศรีชนะ, เด็กชายภาคิณ ศรีชนะ เป็นโจทก์ที่ 1-3 ยื่นฟ้อง สำนักงานประกันสังคม, บริษัทนิลุบลรักษา จํากัด, พญ.จุฑามาศ หาญณรงค์ เป็นเชลยที่ 1-3 ในข้อผิดพลาดฐานฝ่าฝืน
โจทก์ทั้งยังสามฟ้องว่า โจทก์ที่ 1-3 เป็นมารดา ผัว และก็ลูก ของ นางสาวผู้หญิง ทองคำเวียน คนเสียชีวิต เชลยที่ 1 เป็นหน่วยงานของรัฐรวมทั้งเป็นผู้จัดหาสถานพยาบาลให้ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมใช้บริการ เชลยที่ 2 เป็นนิติบุคคล โดยชอบด้วยกฎหมาย ประกอบธุรกิจให้บริการสถานพยาบาลชื่อโรงหมอหมอรังสิต และก็ให้บริการผู้ใช้สิทธิประกันสังคมภายใต้อำนาจบังคับประสิทธิภาพของเชลยที่ 1 ส่วนเชลยที่ 3 เป็นหมอดำเนินการในโรงหมอหมอรังสิต คนตายใช้สิทธิประกันสังคมรักษาโรคอาการหอบหืดซึ่งเป็นโรคประจำตัวรวมทั้งลักษณะของการเจ็บเจ็บไข้อื่นๆที่โรงหมอหมอรังสิต
ตอนวันที่ 23 เดือนกรกฎาคม60 คนตายเข้ารับการดูแลและรักษากับเชลยที่ ด้วยลักษณะของการปวดขา เชลยที่ 3 วิเคราะห์ว่าเป็นโรคเอ็นอักเสบ ก็เลยสั่งยาฉีดไดวัวลฟีแนค ฉีดให้แก่คนเสียชีวิต พร้อมด้วยให้ยานอร์จีสิก, บรูเฟน รวมทั้งทรามอล ไปกิน ผู้เสียชีวิตได้รับการฉีดยาเวลา 18.16 น.แล้วรับยาอื่นแล้วก็ออกมาจากโรงหมอเวลา18.30 น. เมื่อกลับถึงที่หน้าบ้านยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และก็ยังมิได้กินยา คนตายมีลักษณะอาการโคนขาแรง หายใจไม่ออก และก็แน่นหน้าอก แล้วสลบไป พี่สาวผู้เสียชีวิตนำผู้เสียชีวิตส่งโรงหมอประชาธิปัตย์ที่อยู่ใกล้บ้านเมื่อเวลา 19.30 น. คนตายความดันเลือดตก รุนแรง ชีพจรไม่เต้น จะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สมองเสียหาย ม่านตา สองข้างขยาย ไม่สนองตอบต่อแสงสว่าง ถัดมาถูกนำส่งโรงหมอ หมอรังสิตแล้วก็เข้ารักษาในห้องห้องดูแลผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาลโดยใช้เครื่องที่ใช้สำหรับในการช่วยหายใจตลอดระยะเวลา ผลของการเอกซเรย์ สมองตอนวันที่ 26 กรกฎาคม60 พบว่าสมองบวม ก้านสมองตาย แล้วก็เสียชีวิต ในวันที่ 12 เดือนสิงหาคม60 ความประพฤติปฏิบัติของเชลยที่ 3 เป็นการรักษาโรคด้วย ความประมาทอย่างร้ายแรง ไม่มีความระแวดระวังซึ่งบุคคลในสภาวะได้แก่หมอแพทย์โรคจะจะต้องมีตามวิสัยรวมทั้งการกระทำ และก็เชลยที่ 3 บางทีอาจใช้ความรอบคอบ ตัวอย่างเช่นนั้น แม้กระนั้นหาได้ใช้ให้พอเพียงไม่ จนถึงส่งผลให้คนเสียชีวิตถึงแก่ชีวิต พูดอีกนัยหนึ่ง เชลยที่ 3 สั่งฉีดยาไดวัวลฟีแนคซึ่งเป็นยาที่ไม่สมควรใช้ในผู้เจ็บป่วยโรคหอบหืดให้แก่คนตาย ที่มีโรคประจำตัวเป็นอาการหอบหืด และไม่ได้สั่งให้เฝ้าอาการที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ข้างหลังฉีดยา ตัวอย่างเช่น ลักษณะของการแพ้ยา หลอดลมตีบ หายใจไม่ออก ความดันเลือดตก ซึ่งธรรมดาจำต้องสอดส่องคนป่วยอย่างใกล้ชิดตรงเวลา 15 นาที รวมทั้งให้คนไข้นั่งรออีก 15 นาที ก็เลยให้กลับออกมาจากโรงหมอ ส่งผลให้คนตายแพ้ยาร้ายแรง หลอดลมตีบ หายใจไม่ออก กระทั่งเสียชีวิต เชลยที่ 3 ก็เลยทำฝ่าฝืนรวมทั้งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์อีกทั้งสาม โดยเชลยที่ 1, 2 จำเป็นต้องร่วมยอมสารภาพในฐานะลูกหนี้ร่วม ก่อนถึงแก่ชีวิตผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับจ้างบริษัทฝาจีบ จำกัด มีรายได้เดือนละ 1.5 หมื่นบาท คนเสียชีวิตอายุ 27 ปี ได้โอกาส ดำเนินการอีก 33 ปี คิดเป็นเงิน 5940,000 บาท ผู้เสียชีวิตเคยมอบเงินแก่โจทก์ที่ 1 ตามหน้าที่ ลูกเดือนละ 8 พันบาท โจทก์ที่ 1 จำต้องขาดไม่มีชุบเลี้ยงตรงเวลา 33 ปี คิดเป็นเงิน 3,168,000 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นผัว แล้วก็โจทก์ที่ 3 เป็นลูกของผู้เสียชีวิตจำต้อง ขาดไม่มีชุบเลี้ยง เฉลี่ยคนละวันละ 300 บาท เป็นค่าจ้างรายเดือนละ 9 พันบาท จนกระทั่งโจทก์ที่ 2 แก่ 60 ปี ตรงเวลา 34 ปี คิดเป็นเงิน 3,672,000 บาท แล้วก็จนถึงโจทก์ที่ 3 บรรลุนิติภาวะตรงเวลา 20 ปี คิดเป็นเงิน 2,160,000 บาท ค่าปลงศพ และก็ค่าใช้สอยอันจำเป็นจะต้องอันอื่นสำหรับในการจัดงานศพคนเสียชีวิต 2 เเสนบาท รวมเป็นเงินทั้งมวล 15,140,000 บาท
ระหว่างพินิจโจทก์อีกทั้ง 3 ยื่นขอถอนฟ้องเชลยที่ 1 ศาลอนุญาต
โดยศาลชั้นต้นเเละศาลอุทธรณ์เเผนกคดีลูกค้าพิพากษ์ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ทั้งยัง 3 ยื่นศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีลูกค้าอนุญาตให้ศาลฎีกา
วันนี้โจทก์ทั้งยัง 3 ผู้รับมอบอำนาจเชลยมาศาลพร้อมทนาย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนสัมมนาพิจารณาหารือเเล้วมองเห็นสรุปว่า ทางนำสืบของเชลยที่ 2-3 ไม่ปรากฏว่านอกจากยากลุ่มเอ็นเสดแล้ว ไม่มียาอื่นที่จะประยุกต์ใช้รักษาลักษณะของการปวดของคนเสียชีวิตได้ ทั้งเชลยที่ 3 ก็สารภาพว่าลักษณะของการปวดของคนเสียชีวิตไม่สูงถึงขนาดจำเป็นจะต้องฉีดยา เชลยที่ 3 ก็เลยเหมาะสมนึกถึงความปลอดภัยของคนตายโดยหลบหลีกการให้ยาไดวัวลฟีแนคแบบฉีดเข้ากล้าม ถ้าต้องให้ยาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นโดยไม่บางทีอาจเลี่ยงได้ก็จำเป็นต้องให้ด้วยความรอบคอบ เป็นพิเศษ แม้กระนั้นได้เรื่องจากเชลยที่ 3 ว่า คนเสียชีวิตมิได้มีลักษณะปวดร้ายแรง ก็เลยมิได้ติดตาม อาการข้างหลังฉีดยา มีความหมายว่าเชลยที่ 3 สั่งยาไดวัวลฟีแนคแบบฉีดเข้ากล้ามให้แก่ผู้เสียชีวิต โดยมิได้สั่งให้มีการเฝ้าระวังอาการอันไม่พึงปรารถนาข้างหลังฉีดยา ที่ผู้เห็นเหตุการณ์เชลยซึ่งเป็นพยาบาลผู้ฉีดยาให้แก่คนตายเบิกความว่า ภายหลังจากฉีดยาเสร็จผู้เห็นเหตุการณ์ให้ผู้เสียชีวิตนอนพักที่เตียงเพื่อพินิจอาการราวๆ 10 นาที แล้วต่อจากนั้นได้ไต่ถามอาการจากคนตายรู้ดีว่าอาการดียิ่งขึ้นแล้วก็ผู้เสียชีวิตได้เดินออกไปรับยาที่ห้องจ่ายยานั้น ปรากฏจากสำเนาบทความตอบปัญหาเรื่องยาโดยเภสัชกรหน่วยคลังเก็บข้อมูลยาว่า การฉีดยาไดวัวลฟีแนคเข้ากล้ามยาจะออกฤทธิ์ข้างใน 10-22 นาที คล้ายคลึง กับที่เชลยที่ 3 เบิกความตอบทนายความโจทก์ทั้งยังสามถามคัดค้านว่า ยาที่ฉีดให้คนตายจะออกฤทธิ์ โดยประมาณ 10-30 นาที ดังต่อไปนี้ แม้ว่าจะฟังว่าพยาบาลผู้ฉีดยาได้เฝ้าระวังอาการข้างหลังฉีดยา ของผู้เสียชีวิตจริงก็ได้แก่การใช้เวลาสำหรับในการเฝ้าระวังไม่พอต่อการคาดการณ์อาการอันไม่ปรารถนา ที่จะเป็นผลมาจากยาฉีดยา หลักฐานเชลยที่ 2-3 ไม่มีน้ำหนักให้ฟังได้ว่า การที่เชลยที่ 3 ให้การรักษาผู้เสียชีวิตซึ่งมีลักษณะอาการหอบหืดด้วยยาไดวัวลฟีแนคแบบฉีดเข้ากล้าม และไม่ได้สั่งให้เฝ้าระวังอาการอันไม่ปรารถนาที่จะเกิดขึ้นข้างหลังฉีดยาเป็นการให้การรักษาที่เป็นไปตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชศาสตร์ภายใต้ความรู้ความเข้าใจรวมทั้งความจำกัดตามสภาวะ วิสัย แล้วก็การกระทำที่มีอยู่ในเหตุการณ์นั้น
ที่เชลยที่ 3 กล่าวถึงว่า ข้างหลังผู้เสียชีวิตเสียชีวิต เชลยที่ 3 ได้แจกแจงเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังแพทยที่ประชุมแล้ว แม้กระนั้นไม่เคยถูกเรียกไปสืบสวนและไม่เคยถูกลงโทษ นั้น มีความคิดเห็นว่าเเม้คณะกรรมการแพทยสภาพิจารณาแล้วมีข้อคิดเห็นว่าเชลยที่ 3 ไม่ได้กระทำไม่ดีข้อบัญญัติแพทยที่ประชุมฯตามความคิดเห็นของแผนกอนุกรรมการจรรยาบรรณที่วิชาชีพเวชศาสตร์ ชุดที่ 7 ซึ่งมองเห็นสอดคล้องกับราชวิทยาลัยอายุรเวชที่เมืองไทยที่ลงความคิดเห็นว่า เชลยที่ 7 ให้การรักษาคนตายด้วยยาไดวัวลฟีแนคแบบฉีดเข้ากล้าม ซึ่งเป็นยาเดิมที่คนตายเคยได้รับ รวมทั้งเฝ้าพิจารณาอาการพื้นฐานไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็เลยให้กลับไปอยู่บ้าน เป็นการให้การรักษา ถูกสมควรตามสภาวะ วิสัย แล้วก็ความประพฤติในเวลานั้นแล้ว แต่ว่าไม่มีบทข้อบังคับใดข้อบังคับ ให้ความเห็นของคณะกรรมการแพทยที่ประชุมฯส่งผลผูกพันศาลสำหรับในการวิเคราะห์คดี ความเห็นของคณะกรรมการแพทยที่ประชุมฯเป็นเพียงแต่หลักฐานอย่างหนึ่ง
แม้ความเห็นดังที่กล่าวถึงมาแล้วได้มีการพินิจกันอย่าง รอบด้านจากข้อมูลที่ถูกครบถ้วนสมบูรณ์แล้วก็ลงความเห็นตามข้อคิดเห็นที่มีเหตุผลย่อมเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักให้ศาลยอมรับฟังประกอบกิจการวิเคราะห์ แม้กระนั้นความเห็นชอบของคณะกรรมการแพทยที่ประชุมฯที่ส่งมายังศาลชั้นต้นในคดีนี้ไม่มีเนื้อหาพอที่จะพิเคราะห์ว่าเป็นไปตามที่ได้กล่าว มาหรือเปล่า แค่ไหน ก็เลยไม่มีน้ำหนักให้เอามาฟัง
เมื่อเชลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นข้างที่มีภาระหน้าที่การยืนยันไม่บางทีอาจพิสูจน์ได้ว่าการให้การรักษาคนเสียชีวิตของเชลยที่ 3 เป็นไปตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชศาสตร์ตามที่ได้วิเคราะห์มาแล้ว กรณีจะต้องนับว่าเชลยที่ 3 ปฏิบัติโดยประมาทสะเพร่า อันเป็นการฝ่าฝืนต่อคนตาย ก็เลยจำต้องรับสารภาพใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่โจทก์ทั้งยังสามซึ่งเป็นผู้สืบสกุลของคนเสียชีวิต
ที่เชลยที่ 3 อ้างถึงว่า สั่งให้ฉีดยาไดวัวลฟีแนค แก่คนเสียชีวิตด้วยเหตุว่าคนตายรับรองให้ฉีดยานั้น มีความเห็นว่าคนเจ็บทั่วๆไปและก็คนตายซึ่งไม่มีความรู้ ด้านการแพทย์ย่อมไม่บางทีอาจรู้ถึงอาการอันไม่ปรารถนาที่จะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการใช้ยา การจะให้การรักษาโดยการใช้ยาประเภทใดรวมทั้งขั้นตอนการยังไงย่อมเป็นดุลยพินิจของหมอคนตรวจรักษาที่จำต้องพิจารณาถึงมาตรฐานการดูแลและรักษาเป็นหลัก หาต้องเอาอย่างความอยากของคนเจ็บเสมอไม่ เชลยที่ 3 ก็เลยไม่บางทีอาจชูเหตุที่สั่งฉีดยาตามคำรับรองของผู้เสียชีวิตมาอ้างเพื่อไม่ยอมรับความรับสารภาพได้
ส่วนเชลยที่ 2 เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงหมอหมอรังสิต การที่เชลยที่ 3 มานั่งตรวจรักษาผู้เจ็บป่วยที่โรงหมอหมอรังสิตแม้ว่าจะมาเป็นครั้งเป็นคราวรวมทั้งได้รับค่าแรงงานจาก เชลยที่ 2 เป็นรายชั่วโมง แต่ว่าเป็นการตรวจรักษาผู้ป่วยในนามของโรงหมอหมอรังสิต จำเป็นต้องนับว่าเชลยที่ 3 เป็นผู้แทนของเชลยที่ 2 สำหรับในการตรวจรักษาคนเสียชีวิต เชลยที่ 2 ในฐานะต้นเหตุก็เลยจำต้องร่วมรับสารภาพในผลที่ฝ่าฝืนที่เชลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้แทน ของตัวเองได้ปฏิบัติไปสำหรับในการตรวจรักษาดังที่กล่าวมาแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ประกอบมาตรา 425
ที่ศาลข้างล่างทั้งคู่ตัดสินคดียกฟ้องโจทก์ทั้งยังสามสำหรับ เชลยที่ 2, 3 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาของโจทก์ทั้งยังสามฟังขึ้น
พิพากษ์กลับ ให้เชลยที่ 2 แล้วก็ 3 ด้วยกันจ่ายค่าปลงศพ 5 หมื่นบาท แก่โจทก์อีกทั้ง 3 ค่าขาดไม่มีชุบเลี้ยง 5 เเสนบาท แก่โจทก์ที่ 1 ค่าขาดไม่มีอุปถัมภ์ 3 เเสนบาท แก่โจทก์ที่ 2 รวมทั้งค่าขาดไม่มีเลี้ยงดู 7 เเสนบาท แก่โจทก์ที่ 3 พร้อมดอกอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นแต่ละจำนวนนับต่อจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 มกราคม61) ถึงวันที่ 10 เม.ย.64 รวมทั้งอัตรา ปริมาณร้อยละ 5 ต่อปี นับจากวันที่ 11 เม.ย.64 เป็นต้นไปกระทั่งจะจ่ายเสร็จแก่โจทก์ทั้งยังสาม
นางอำพร กระเหม็นตุดนาค กล่าวทั้งยังน้ำตารวมทั้งขอบคุณมากศาลฎีกาว่าได้เมตตา รวมทั้งมีคำตัดสินกลับให้ชนะคดี ได้มานะอ้อนวอนทั้งยังจากที่ประชุมทนาย หน่วยงานของรัฐตลอดมานับเป็นเวลาหลายปี อ่อนเพลีย ท้อใจและก็ทุกข์ยากเป็นอย่างมากสำหรับในการต่อสู้คดีหมอ เกิดกำลังใจต่อสู้มาตลอดก็เนื่องจากเป็นห่วงอนาคตหลาน ตนก็ดำเนินงานหาเช้ากินค่ำไปวันๆและก็มาพบในเหตุการณ์โรคระบาดอีก ขอบคุณมากศาลฎีกาจริงๆ
นายยิ่งขึ้นไปภัทร์ ติดพระอาทิตย์ ทนาย พูดว่า จำต้องขอบพระคุณศาลฎีกาที่เมตตาเหมือนกัน และก็ศาลฎีกาได้วางหลักสำคัญไว้หลายหลักสำคัญโดยยิ่งไปกว่านั้นหัวข้อการฉีดยารักษาย่อมเป็นดุลยพินิจของหมอ เป็นการจบข้อคัดค้านเนื่องจากว่าศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว และก็ได้เป็นแถวทางการวิเคราะห์ที่มีประโยชน์ต่อสังคมในสมัยที่พสกนิกรต้องระวังเพิ่มขึ้นในเหตุการณ์แพร่ระบาดโรคต่างๆและก็หมอจะได้โปรดระวังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย ส่วนความลำบากของการต่อสู้คดีหมอนั้น มีความคิดเห็นว่าคือปัญหาที่มีมานาน เห็นอกเห็นใจทุกฝ่าย แต่ว่าเนื่องจากว่าการสิ้นไป เสียหาย หรือความพิกลพิการ จะตกอยู่กับข้างผู้เสียหายทางหมอโดยตลอด กว่าจะได้แก้ไขก็นานมาก เป็นทนายความเพียรพยายามสู้จนถึงอุทธรณ์ศาลฎีกา สู้ตั้งแต่อุ้มลูกคนตายมาศาล จนกระทั่งลูกคนตายวิ่งได้แล้ว มันเป็นหน้าที่ รวมทั้งจำเป็นต้องขอบพระคุณทางประกันสังคมด้วยที่ได้แก้ไขพื้นฐานโจทก์ในคดีนี้

อ่านข่าวสารที่เกี่ยวเนื่อง
คุณยายอุ้มหลานร้องสื่อบุตรสาวตายข้างหลังแพทย์ฉีดยาเกินขนาด-ทิ้งหลานให้เลี้ยง