• 05/11/2022

เดือด ผู้เจ็บป่วยฮึ่มพี่น้องเจ็บป่วย ขอนอนให้น้ำเกลือถูกแพทย์หญิงดุทึ่ม ปัจจุบันสั่งพักงานแล้ว

เดือด ผู้ป่วยฮึ่มพี่น้องป่วยไข้ ขอนอนให้น้ำเกลือถูกแพทย์หญิงดุทึ่ม ปัจจุบันสั่งพักงานแล้ว
ตอนวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน นักข่าวรายงานความก้าวหน้า กรณีได้ปรากฏวิดีโอสั้น หรือคลิปไปตามสื่อสาธารณะหรือโซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยยิ่งไปกว่านั้นไลน์ โดยเป็นภาพข้างในห้องทำงานของหมอในโรงหมอแห่งหนึ่งตั้งอยู่พื้นที่ชายแดนไทย-สปเปรียญลาว ด้าน จังหวัดจังหวัดเชียงราย ข้างในเป็นโต๊ะทำงานและก็พลาสติกปกป้องการระบาดของเชื้อไวรัสวัววิด-19 รวมทั้งเจอหญิง 1 คน ซึ่งคนที่ถ่ายคลิปรวมทั้งบุคคลอื่นที่อยู่ใกล้กัน ต่างบอกว่าเป็นแพทย์หญิงคนหนึ่ง โดยคุณกำลังนั่งบนเก้าอี้โดยที่ใช้และก็จ้องมองอยู่ที่โทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่แทบตลอดระยะเวลา
ในเวลาที่คนที่ถ่ายคลิปและก็คนอื่นๆที่ไปด้วยได้เดินเข้าไปในห้องเพื่อพากเพียรไต่ถามไปยังรู้เรื่องกันว่าเป็นแพทย์หญิงว่าเหตุไรก็เลยคุยกับคนเจ็บแบบนั้น ส่วนแพทย์หญิงคนที่ใครๆก็รู้จักกล่าวได้บอกให้คนที่ถ่ายคลิปออกมาจากห้องไปแม้กระนั้นไม่เป็นผล ต่อจากนั้นก็มีการถกเถียงกันขึ้นโดยประชาชนที่เข้าไปบากบั่นไต่ถามว่าเพราะเหตุใดไม่ให้บริการส่วนแพทย์หญิงตอบกลับว่าไม่ใช่ผู้ให้บริการ แม้กระนั้นเป็นผู้บริบาลและก็ถ้าเกิดต้องการถ่ายคลิปก็ถ่ายไป กระนั้นพบว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังที่นั่งของแพทย์หญิงมีป้ายใจความใหญ่ว่า “ห้ามถ่ายรูป บันทึกเสียง ก่อนได้รับอนุญาต” ด้วย
.ud-video-wrapper{position:relative;padding-bottom:56.2%;height:0}.ud-video-wrapper .ud_content_iframe_custom{position:absolute;top:0;left:0;width:100%;height:100%}

ต่อจากนั้นทางผู้ถ่ายคลิปและก็ราษฎรเพียรพยายามต่อว่าต่อขานแพทย์หญิงว่าเป็นผู้มีรายได้จากรัฐบาล รวมทั้งเมื่อเครือญาติของตนเองเจ็บป่วยก็ได้พาไปโรงหมอก็เลยขอให้หมอมีจริยธรรมด้วย โดยพี่น้องของตัวเองควรจะได้รับการดูแลและรักษาไม่ใช่ไปถึงแล้วกลับโดนดุด่ารวมทั้งผู้ที่ไปรักษาก็เป็นคนประเทศไทยและก็ใช้สิทธิด้วยการชำระเงินโดยมิได้ใช้สิทธิบัตรทองคำด้วย แล้วหลังจากนั้นก็มีการโต้แย้งกันโดยคนถ่ายคลิปถามคำถามว่า “เต็มอกเต็มใจปฏิบัติงานหรือไม่?” ก็ถูกอีกข้างตอบว่า “ไม่” ทำให้ข้างที่ถ่ายคลิปร้องต่อว่าต่อขาน “ไม่เต็มใจปฏิบัติงานแล้วอยู่เพราะอะไร จริยธรรมมีเพียงเท่านี้ไหม” จนกระทั่งกำเนิดเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยวาจาขึ้นร้ายแรงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยตอนหนึ่งคนที่ไปกับคนถ่ายคลิปถามคำถามว่า “ถ้าเกิดเป็นเครือญาติคุณไปรักษาคุณจะทำเช่นไร” ซึ่งคนที่รู้เรื่องกันว่าเป็นแพทย์หญิงตอบกลับว่า “ฉันก็จะทำแบบงี้แบบเดียวกัน หากเครือญาติของฉันทึ่มแบบงี้” หลังจากนั้นการวิวาทก็ยิ่งร้ายแรงขึ้นถึงชั้นสรรพนามว่า “เอ็ง” แล้วก็ “ข้า” กันด้วย

ในช่วงท้ายของคลิปได้มีข้าราชการรักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้าไปไกล่เกลี่ยซึ่งคนที่ถ่ายคลิปก็ฟ้องกลับว่าแฟนของตัวเองและก็คนเจ็บถูกดุด่า ซึ่งทาง รปภ.ก็ขอให้ทุกคนเหิมใจเย็นๆไว้ แต่ว่าก็ยังมีการต่อว่าต่อขานแพทย์หญิงคนที่ใครๆก็รู้จักกล่าวอีก ดังเช่นว่า มีบทบาทเป็นหมอเรียนสูงขึ้นมากยิ่งกว่าบุคคลอื่นไม่สมควรดุด่าบุคคลอื่นว่าทึ่ม สงสัยว่าเหตุไรก็เลยดุด่าว่ากล่าวคนป่วยทึ่ม ทึ่มเช่นไร ผู้เจ็บป่วยทึ่มที่ไหน อื่นๆอีกมากมาย โดยผู้ถ่ายคลิปบอกว่าตนมีเงินมากพอที่จะไปรักษาที่โรงหมอเอกชนแม้กระนั้นเพราะว่าแฟนของตัวเองมีลักษณะอาการปั่นป่วนรีบด่วนรวมทั้งใกล้บ้านก็เลยจำต้องมารักษาที่โรงหมอที่นี้ ซึ่งเว้นเสียแต่ลักษณะของการเจ็บป่วยไข้ยังจำต้องมาถูกดุด่าจนถึงทำให้ทนไม่ได้ กระนั้นคนที่ถูกบอกว่าเป็นแพทยหญิงยังคงใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และไม่ตอบกลับในช่วงท้ายก่อนที่จะคลิปจะจบลง ดังนี้ ภายหลังคลิปเผยแพร่ไปผู้คนต่างวิจารณ์กันไปต่างๆนานา
ปัจจุบันจากการตรวจสอบแล้วก็พบว่าคลิปดังที่กล่าวถึงแล้วถูกถ่ายโดยนายวีรวุฒิ ยาสมุททร์ อายุ 40 ปี ราษฎรห้วยเกี๋ยง กลุ่ม 8 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยนายวีรวุฒิเล่าว่า เหตุได้กำเนิดเวลาราว 19.00 น.ของวันที่ 3 พ.ย.ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งน้องสะใภ้ซึ่งท้องโดยประมาณ 3 เดือนแต่ว่ากำเนิดอาการแพ้ท้องอย่างมากมีการอ้วกออกมาเป็นเลือด จะไปโรงหมอเอกชนที่ทำรับรองอยู่ก็ปิด ที่เปิดอยู่ก็อยู่ไกลถึงเมือง ตนมองเห็นอาการไม่ค่อยจะดีก็เลยแวะโรงหมอจุดเกิดเหตุเพื่อเช็กมองอาการก่อนว่าจำต้องรักษาเลย หรือสามารถส่งตัวถัดไปรักษายังโรงหมอที่ทำรับรองไว้ได้

นายวีรวุฒิบอกว่า เพียงพอไปถึง ก็ทำบัตรผู้เจ็บป่วยธรรมดา หมอพยาบาลก็ทักก่อนมีการนำตัวน้องสะใภ้ไปยังห้องเร่งด่วน ทั้งยังหมอรวมทั้งพยาบาลก็ให้เครือญาติออกรอด้านนอก พวกตนก็เลยแจ้งว่าถ้าจะรักษาอย่างไรหรือให้ยาอะไรช่วยแจ้งพี่น้องด้วยเนื่องจากว่าคนไข้เป็นโรคหัวใจ หลังจากนั้นหมอก็จะมีการฉีดยาแก้คลื่นไส้ให้ แต่ว่าทางน้องสะใภ้ขอไม่ฉีด เนื่องจากเคยฉีดมาแล้วหายใจไม่ออกเพราะว่าเป็นโรคหัวใจ ขอให้น้ำเกลือรวมทั้งนอนมองอาการก่อนได้ไหม แล้วหมอก็โกรธขึ้นมาต่อว่าต่อขานจะนอนโรงพยาบาลให้ได้ไช่ไหม ป่วยไข้เท่านี้ กลับเรื่องมาก
ทางน้องสะใภ้ก็เลยเรียกตนรวมทั้งพี่น้องเข้าไปเพื่อจะขอไปรักษาที่ โรงพยาบาลอื่น ตนก็เลยถามคำถามว่าเพราะเหตุใด เขากล่าวว่าถูกแพทย์ด่าทอ ตนก็เลยถามคำถามว่าคนใดดุ ก่อนที่จะแพทย์คนที่ใครๆก็รู้จักกล่าวจะพูดว่าเป็นตัวเอง แล้วพูดว่าเพราะอะไรหรอ จะดราม่าควีนหรอ ตนก็เลยถามคำถามว่าเพราะอะไรคุยกับลูกค้าอย่างนี้ก็มีการโต้แย้งกันตามคลิปดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ซึ่งตนนั้นงงงวยกับการกระทำของผู้เป็นหมอว่าเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ก็เลยนำคลิปมาโพสต์ในกรุ๊ปข่าวสารเชียงแสน เพื่อเตือนไม่ให้มีการเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ไม่มุ่งหวังให้มารับไม่ถูกถูกใจอะไร และก็ต้องการที่จะให้ โรงพยาบาลมีการปรับเนื่องจากทุกฝ่ายบริการดีหมดนอกจากหมอคนนี้ผู้เดียว

ปัจจุบันกลุ่มข่าวสารได้ตรวจสอบแล้วก็พบว่าโรงหมอจุดเกิดเหตุเป็นโรงหมอเชียงแสน ซึ่งเป็นโรงหมอประจำอำเภอเชียงแสน จังหวัดจังหวัดเชียงราย ก็เลยติดต่อนายสุขชัย เมธีสีขาวตระกุล ผู้อำนวยการโรงหมอเชียงแสน ซึ่งพร้อมจะให้ข้อมูลแม้กระนั้นไม่อนุญาตให้มีการเก็บภาพหรือกระทำบันทึกเสียงใดๆก็ตามโดยทางผู้อำนวยการโรงหมอสารภาพว่า แพทย์หญิงคนภายในคลิปเป็นแพทย์หญิงประจำโรงหมอเชียงแสนจริง โดยเป็นแพทย์หญิงทั่วๆไป มิได้เป็นหมอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากว่าโรงหมอขนาดเล็ก ซึ่งธรรมดาหมอคนนี้เป็นคนจิตสมัครใจ มีงานบริการที่แห่งไหนก็จะสมัครใจไปแล้วก็ธรรมดาก็ปฏิบัติหน้าที่ก้าวหน้า แม้กระนั้นเป็นผู้ที่มีอารมณ์ออกจะผันแปร บางเวลาก็เป็นรูปแบบนี้ กระทั่งเคยกำเนิดกรณีคล้ายคลึงกันนี้ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ซึ่งทาง โรงพยาบาลมีการทำทานบน แล้วก็พินิจพิเคราะห์ขั้นแนะนำและก็ออกหนังสือเตือนอยู่เสมอ แต่ว่าความประพฤติก็ยังแก้ไม่หาย
“คราวนี้ก็เลยปรึกษาหารือและขอคำแนะนำกับคณะกรรมการโรงหมอทวนข้อพิสูจน์การกระทำของหมอ ถึงความไม่เหมาะสม ก็เลยมีคำบัญชาให้พักงานแพทย์หญิงคนนี้ไว้ก่อนเป็น 5 วัน เพื่อพินิจพิเคราะห์ความประพฤติของตน ซึ่งพื้นฐานทางหมอคนมีชื่อเสียงกล่าวก็รู้สึกตัวว่ากระทำผิด แต่ เพื่อปรับปรุงระยะยาวจะมีการเสนอเรื่องไปทางที่ทำการสาธารณสุขจังหวัด หรือ สสจังหวัด พินิจพิเคราะห์ว่าจะดำเนินงานประเด็นนี้ถัดไปยังไงอีกรอบหนึ่ง ส่วนกรณีคนเจ็บทราบดีว่าไปรักษาตัวที่โรงหมอเอกชนอยู่ ซึ่งทางโรงหมอแล้วก็ทางฝ่ายบริหารจะผสานเพื่อกระทำการขออภัยต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกรอบหนึ่ง”